วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พระราชอารมณ์ขันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ดินเค็มไหม?

พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่ทางภาคใต้
คือจังหวัดนราธิวาส ทางใต้นี้มีปัญหาเรื่องดินเป็นกรดมีความเค็ม

พระองค์จึงทรงรับสั่งถามกับชาวบ้านที่มาเฝ้ารับเสด็จว่า
“ดินหลังบ้านเป็นอย่างไร เค็มไหม?”
ชาวบ้านก็มองหน้ากันแล้วทำหน้างงก่อนตอบกลับมาว่า
ไม่เคยชิมซักที

ในหลวงก็รับทรงสั่งกับข้าราชบริภารที่ตามเสด็จว่า
ชาวบ้านแถวนี้เขามีอารมณ์ขันกันดีนะ


แขนตกสะพาน ...

พระองค์ท่านเสด็จไปที่จังหวัดสกลนคร เพื่อเยี่ยมเยียนชาวบ้าน
และพระองค์ก็ทรงตรัสถามชายคนหนึ่งที่มาเข้าเฝ้า เพราะแขนเจ็บเข้าเฝือก

ในหลวงทรงรับสั่งถามว่า “ แขนเจ็บไปโดนอะไรมา
ชายคนนั้นตอบว่า “ ตกสะพาน
แล้วในหลวงทรงรับสั่งกลับไปอีกว่า “ แล้วแขนอีกข้างหนึ่งละ
ชายคนนั้นก็ตอบกลับมาอีกว่า แขนข้างนี้ไม่ได้ตกลงไปด้วย ตกข้างเดียว
ในหลวงของเราก็ทรงพระสรวล.....


เหมือนในหลวงจัง ...

ครั้งหนึ่งในหลวงทรงเสด็จไปที่ตลาดสด
และทรงแวะไปเสวยก๋วยเตี๋ยว

แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว เห็นก็สงสัย จึงทูลถามท่านว่า
ทำไม หน้าเหมือนในหลวงจัง? "

ท่านไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มๆ
ทรงจ่ายเงินค่าก๋วยเตี๋ยวแล้วตรัสชมว่า "ก๋วยเตี๋ยวอร่อย"
ส่วนแม่ค้ามารู้ที่หลังว่าเป็นท่านก็ได้แต่ปลื้ม

คล่องราชาศัพท์ ...

อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายต่างก็แปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่ว
และใช้ราชาศัพท์ได้ดีอย่างน่าฉงน ของราษฎรผู้นั้น

เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า
บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวน พระพุทธเจ้าข้า.
.”

มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว
ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว

เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะ
ไม่ยกเว้นแม้แต่ในหลวง...

ในหลวง..ของคนไทย

ลุงวาเด็ง โดย มนูญ มุกข์ประดิษฐ์


วันนี้ลุงวาเด็งพาแววตาที่เป็นประกาย
มาเฝ้าฟระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ด้วยชุดเต็มยศครึ่งท่อน

คือสวมกางเกงตัวเดียวไม่สวมเสื้อ
ไม่มีที่ไหนในโลกอีกแล้วที่สามัญชน
คนธรรมดาไม่ว่าจะอยู่ในเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ

ก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะเข้าใกล้ชิดพระองค์
บอกเล่าความทุกข์สุขกับพระเจ้าแผ่นดินของเขา
ได้อย่างเสมอภาคกันถ้วนหน้าเช่นนี้.......


ลุงวาเด็งดีใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินมาถึงหน้าบ้าน

จึงเหลียวซ้ายแลขวาหลายครั้งผิดปกติ
ในที่สุดก็ได้กราบบังคมทูลอย่างฉะฉานว่า

"
พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทั้งทีไม่มีอะไรจะถวาย
ผลไม้ในสวนเพิ่งเก็บขายไปได้เงินมาสองหมื่นบาท

ก็นำเงินไปซื้อเครื่องปั๊มน้ำมาได้ 1 เครื่อง
ถอดเอาขึ้นรถและขนไปเลยขอถวายพระเจ้าอยู่หัว"


ข้าวผัดไข่ดาว โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล


วันหนึ่งเสด็จฯ เขาค้อเปิดอนุสาวรีย์
พอเปิดอนุสาวรีย์เสร็จพระองค์ท่านก็ขอกลับไปที่พระตำหนัก
เพื่อจะทรงเปลี่ยนฉลองพระบาท
พราะเดี๋ยวจะไปดูงานในป่าในดง.........

เราก็ไม่ได้ทานข้าวไม่มีใครทานข้าวตอนนั้นบ่ายสองโมงแล้ว
ก่อนจะเปลี่ยนฉลองพระบาทสักยี่สิบนาที
น่าจะพุ้ยข้าวทันก็รีบวิ่งไปห้องอาหารที่เตรียมไว้

ปรากฏว่าพวกที่ไม่ได้ตามเสด็จเขาทานกันหมดแล้ว
ในนั้นจึงเหลือข้าวผัดติดก้นกระบะ
กับมีไข่ดาวทิ้งแห้งไว้ 3-4 ใบ
เราก็ตักเห็นมีข้าวอยู่จานหนึ่งวางไว้
้มีข้าวผัดเหมือนอย่างเราไข่ดาวโปะใบหนึ่ง

มีน้ำปลาถ้วยหนึ่งวางอยู่เพื่อนผมก็จะไปหยิบมามหาดเล็กบอกว่า
"ไม่ได้ๆ ของพระเจ้าอยู่หัว ท่านรับสั่งให้มาตัก"
ดูสิครับตักมาจากก้นกระบะเลย
ผมนี่น้ำตาแทบไหลเลยท่านเสวยเหมือนๆ กันกับเรา......


ไม่ต้องกั้น โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล

มีอยู่ครั้งหนึ่งเสด็จฯ ไปที่เซ็นทรัลวันที่มีประชุมรัฐสภาโลก
วันนั้นผมจำได้ผมติดอยู่บนท้องถนนฝนตก
ผมก็มีวิทยุเลยได้ยินรับสั่งมากับตำรวจมาเลย

"
วันนี้ไม่ต้องกั้นรถ"
ทรงเข้าใจความทุกข์ของราษฏรอยู่ตลอดเวลา
วันนี้เป็นวันฝนตกรถติดกันอย่างมหาศาล
ถ้าขืนต้องไปติดขบวนอีกสร้างความทุกข์ให้กับประชาชน

ทรงวิทยุบอกตำรวจว่า
"
ขบวนจะแล่นไปพร้อมกับรถของประชาชนไม่ต้องกั้นเคลื่อนที่ไปพร้อมกัน"

น้ำลดหรือยัง โดย ถาวร ชนะภัย


หลายปีมาแล้ว..
เมื่อครั้งน้ำท่วมภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับผลกระทบหนักที่สุด

เป็นช่วงเวลาที่การสื่อสารแห่งประเทศไทย
ได้นำเครื่องโทรพิมพ์มาติดตั้งที่ห้องทรงงานใหม่ๆ


ข้าราชสำนักท่านหนึ่งกรุณาเล่าให้ฟังว่า
แม้ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ก็ยังไม่เสด็จขึ้นห้องพระบรรทม
แต่ทรงคอยติดตามข่าวเรื่องอุทกภัยที่หาดใหญ่อยู่อย่างใกล้ชิด

ด้วยทรงห่วยใยราษฏรจึงทรงส่งคำถามผ่านเครื่องโทรพิมพ์ด้วยพระองค์เอง
ถามไปทางหาดใหญ่ว่า
"น้ำลดแล้วหรือยัง"
โดยที่ไม่ทราบว่าผู้ส่งคำถามมานั้นคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คำตอบที่มีผ่านมาทางเครื่องโทรพิมพ์เมื่อเวลาตีสองตีสาม
มีข้อความที่ตอบด้วยความไม่พอใจว่า

"ถามอะไรอยู่ได้ดึกดื่นป่านนี้แล้วคนเขาจะหลับจะนอน"

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คำสอน..ท่านพุทธทาส


เรื่อง กรรม ที่ถูกต้องแท้จริงในพระพุทธศาสนาคือ
เรื่อง กรรมไม่ดำไม่ขาว

เป็นที่สิ้นสุดแห่งกรรมดำกรรมขาว
คือ เหนือดีเหนือชั่ว เหนือบุญเหนือบาป
เหนือสุขเหนือทุกข์
เป็นไปเพื่อนิพพานส่วนเดียว




เพียงแต่สอนว่า ทำดี-ดี ทำชั่ว-ชั่ว นั้น
ยังมิใช่ของพระพุทธเจ้าแท้

เพราะมีสอนกันอยู่ก่อนพุทธกาล แต่ก็ยังคงเรียกว่า กรรมวาที ได้เหมือนกัน
เป็นเรื่องกรรมครึ่งเดียวไม่สมบรูณ์



ถ้าใครสามารถเอาความรู้เรื่อง
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เข้ามากำกับอยู่กับชีวิตประจำวันแล้ว
คนนั้นได้ชื่อว่า
มีเชื้อต้านทานโรคสูงสุด
แล้วอารมณ์รูป เสียง กลิ่น รส
นั้นจะไม่เกิดเป็นพิษขึ้นมาได้
เราจะมีอยู่ เป็นอยู่อย่างมีความเกษม




จิตที่คิดจะให้ นั้น มันสูงกว่าจิตที่คิดจะเอา



อย่าอยู่ด้วยความหวัง แต่อยู่ด้วยสติปัญญา
สติปัญญารู้ว่า ควรทำอะไรก็ทำ อย่าไปหวัง
ทำให้มันถูกต้อง ผลมันมาเอง
ไม่ต้องหวังให้มันกัดหัวใจ หวังเมื่อไหร่ มันกัดหัวใจเมื่อนั้น



คนเราทุกคนมีร่างกายซึ่งเรียกว่า รูป
แล้วก็มีส่วนที่เป็น ใจ แยกเป็น จิต
ส่วนหนึ่ง เป็น เจตสิก ส่วนหนึ่ง


เป็นจิต นั้นคือตัวที่เป็นประธาน ยืนโรงอยู่จนกว่าจะดับ จิต ในที่สุด
เมื่อยังไม่สิ้นกิเลส ก็ยังไม่ดับ ยังยืนโรงอยู่เป็นประธานเรื่อยไป



คนมีใจเดินต่ำ มนุษย์มีใจเดินสูงขึ้น
แล้วจะไม่ต่างกันยิ่งกว่าฟ้าและดินซึ่งหยุดอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร

การมีธรรมะ แท้จริงก็คือ
สามารถดำรงตนอยู่เหนือปัญหาหรือความทุกข์ทั้งปวง
ไม่เกี่ยวกับปริญญาบัตร พิธีรีตรองหรือหลักปรัชญาชนิดฟิโลโซฟีใดๆ

อนาคตคือความฝัน ปัจจุบันคือภาพมายา
อดีตคือปัญหาที่สะสมไว้ พระอรหันต์จึงอยู่เหนือความหมายของเวลา



จงตายให้ดี มีศิลป์ที่สุด คือตายอย่างรู้สึกว่าไม่มีใครตาย มีแต่สิ่งปรุงแต่งเปลี่ยนไป


จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า



เขาเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายของเรา

เขาเป็นเพื่อนเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสารเช่นเดียวกันกะเรา

เขาก็ตกอยู่ใต้อำนาจกิเลสเหมือนเราย่อมพลั้งเผลอไปบ้าง

เขาก็มีราคะโทสะโมหะไม่น้อยไปกว่าเรา

เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไมเหมือนเรา ไม่รู้จักนิพพานเหมือนเรา

เขาโง่ในบางอย่างเหมือนที่เราเคยโง่


เขาก็ตามใจตัวเองในบางอย่างเหมือนที่เราเคยกระทำ

เขาก็อยากดีเหมือนเราที่อยากดีเด่นดัง

เขาก็มักจะกอบโกยและเอาเปรียบเมื่อมีโอกาสเหมือนเรา

เขาเป็นคนธรรมดาที่ยึดมั่นถือมั่นอะไรต่างๆเหมือนเรา

เขาไม่มีหน้าที่ที่จะเป็นทุกข์หรือตายแทนเรา

เขาเป็นเพื่อนร่วมชาติร่วมศาสนากะเรา

เขาก็ทำอะไรด้วยความคิดชั่วแล่นและผลุนผลันเหมือนเรา


เขามีหน้าที่รับผิดชอบต่อครอบครัวของเขา มิใช่ของเรา

เขามีสิทธิที่จะมีรสนิยมตามพอใจของเขา

เขามีสิทธิที่จะเลือกแม้แต่ศาสนาตามพอใจของเขา

เขามีสิทธิที่จะใช้สมบัติสาธารณะเท่ากันกะเรา

เขามีสิทธิที่จะเป็นโรคประสาทหรือบ้าเท่ากับเรา

เขามีสิทธิที่จะขอความช่วยเหลือ เห็นอกเห็นใจจากเรา




เขามีสิทธิที่จะได้รับอภัยจากเราตามควรแก่กรณี

เขามีสิทธิที่จะเป็นสังคมนิยมหรือเสรีนิยมตามใจเขา

เขามีสิทธิที่จะเห็นแก่ตัว ก่อนเห็นแก่ผู้อื่น

เขามีสิทธิแห่งมนุษยชนเท่ากันกะเรา สำหรับจะอยู่ในโลกนี้



ถ้าเราคิดกันอย่างนี้ จะไม่มีการขัดแย้งใดๆเกิดขึ้น



พุทธทาส

ธรรมะ..พอดี